บรรยากาศในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2025 เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อแฟนบอลตัวยงมารวมตัวกันที่ Hardrock View Café ใน Landmark Centre, Oniru, Lagos เพื่อร่วมงาน El Clásico Watch Party สุดเร้าใจที่จัดโดยแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและผิวกายชื่อดังอย่าง NIVEA
งานดังกล่าวมีแฟนๆ ของทีมเรอัลมาดริด บาร์เซโลน่า รวมถึงแฟนๆ จากสโมสรฟุตบอลอื่นๆ เข้าร่วมด้วย
เหล่าคนดังที่มาร่วมในงาน NIVEA El Clásico Watch Party ได้แก่ เฮนรี่ โอเช ดาราจากรายการ Big Brother Naija ซีซั่น 7 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Groovy และไมเคิล อามาเนซี นักแสดงตลกชื่อดัง หรือที่รู้จักกันในชื่อ MC Lively

นอกจากนี้ ยังมี Dele Adeyole ผู้จัดการประจำประเทศไนจีเรีย ผู้ผลิต NIVEA, Fatodun Mobola ผู้จัดการแบรนด์อาวุโส, Omolaja Dieko ผู้ช่วยผู้จัดการแบรนด์ และ Fiyin Toyo ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เข้าร่วมงานด้วย
นับเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมสำหรับแฟนๆ เนื่องจากพวกเขาได้รับฟังเพลงฮิตไนจีเรียอันน่าตื่นเต้นจากดีเจ นอกจากนี้ยังมีอาหารและเครื่องดื่มให้รับประทานอีกด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว แฟนๆ เรอัล มาดริด ต่างแสดงความยินดีที่ทีมราชันชุดขาวเอาชนะบาร์เซโลน่า คู่แข่งตลอดกาลไปได้ 2-1 โดยได้ประตูจากคีเลียน เอ็มบัปเป้ และจู๊ด เบลลิงแฮม ขณะที่แฟร์มิน โลเปซเป็นผู้ทำประตูให้ทีมจากแคว้นกาตาลัน

เมื่อเหลือเวลาอีกไม่กี่วินาทีในเกม แฟนๆ ของเรอัลมาดริดก็ลุกขึ้นยืนเป่าแตรวูวูเซลา และสร้างบรรยากาศให้สนุกสนานเหมือนงานปาร์ตี้ทั่วบริเวณ
หลังจากจบการพบปะสุดเร้าใจแล้ว การเฉลิมฉลองก็ดำเนินต่อไปด้วยปาร์ตี้หลังงานสุดเร้าใจ พร้อมกิจกรรมจับฉลาก โดยแฟนผู้โชคดีหนึ่งท่านได้รับโทรทัศน์ขนาด 50 นิ้วเครื่องใหม่กลับบ้าน ผู้เข้าร่วมงานท่านอื่นๆ ยังได้รับรางวัลสุดเร้าใจมากมาย รวมถึงเสื้อยืดและร่มแบรนด์ NIVEA

Adeyole ผู้จัดการประจำประเทศไนจีเรียของ Beiersdorf กล่าวในงานว่า “เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น Beiersdorf ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ NIVEA ระดับโลก ถือเป็นผู้คิดค้นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสมัยใหม่ และเรามุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ดีที่สุดในโลก”
“ความใส่ใจผิวของเรานั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าผิวจริง ๆ เพราะเรายังใส่ใจผู้บริโภคด้วย นั่นคือเหตุผลที่เราพาพวกเขาไปดูเอล กลาซิโก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดรองจากฟุตบอลโลกและแชมเปียนส์ลีก นี่คือหัวใจสำคัญของการเชื่อมโยง – เชื่อมต่อกับผู้บริโภคและสองแบรนด์ดังที่ทรงพลัง นั่นคือเรอัล มาดริดด้านหนึ่ง และนีเวียอีกด้านหนึ่ง”
Adeyole อธิบายเพิ่มเติมว่าแรงจูงใจในการจัดงาน Watch Party คือการเปิดใช้งานการเชื่อมต่อ

“เราทุกคนต้องการการเชื่อมโยงทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังโควิด” เขากล่าว “เราพาผู้คนออกมาเพลิดเพลินกับบรรยากาศแบบนี้ เพราะเรารู้ว่าฟุตบอลเป็นกีฬาของทุกคน นีเวียแค่อยากพาผู้คนออกมาเชื่อมต่อกัน พูดคุยกันอย่างมีความหมาย และสนุกสนานไปด้วยกัน”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ที่ก้าวข้ามความบันเทิง อาเดโยเลกล่าวเสริมว่า “สำหรับเราแล้ว นี่มันเกินกว่าความบันเทิงเสียอีก ตอนนี้เราได้เซ็นสัญญาความร่วมมือระหว่างนีเวียและเรอัลมาดริดไปจนถึงปี 2030 ความหมายสำหรับผู้บริโภคชาวไนจีเรียคือเราจะได้ชมเอล กลาซิโก้ซ้ำอีกครั้ง เพราะความร่วมมือนี้จะดำเนินต่อไปจนถึงปี 2030 และเราตั้งตารอที่จะขยายความร่วมมือนี้ให้ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีก”


